เทรนด์การทำงานแบบ Hybrid Working คนสบาย งานได้คุณภาพ

             หลังหมดยุค Work From Home กันไป หลาย ๆ บริษัทก็เริ่มกลับมาให้พนักงานเข้าออฟฟิศตามปกติ แต่ก็มีอยู่หลายองค์กรทั้งขนาดเล็กไปจนถึงใหญ่ ที่เล็งเห็นถึงประโยชน์บางอย่างจากการทำงานระบบใหม่ที่ผ่านมา จนกำเนิดเทรนด์การทำงานแบบ “Hybrid Working” ซึ่งให้ความยืดหยุ่นค่อนข้างสูง แต่ถ้าหากคุณยังไม่รู้ว่า Hybrid Working ที่ว่านี้คืออะไร และควรเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่จะมองหาในการสมัครงานครั้งถัดไปหรือไม่ วันนี้เรามีคำตอบ

รู้จักเทรนด์ Hybrid Working เจาะลึกคืออะไร?

การทำงานแบบ Hybrid Working คืออะไร?

ตามทันกระแส! การทำงานแบบ Hybrid Working คืออะไร?

             ต้องยอมรับจริง ๆ เลยว่า ภายหลังเหตุการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงระดับองค์กรอย่างชัดเจนในทุก ๆ ภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการดำเนินงาน ที่ดูเหมือนจะต้องจัดระบบกันใหม่ เพื่อให้ทุกอย่างสามารถไปต่อได้อย่างราบรื่น

             ในระหว่างนี้เองที่ศัพท์ใหม่หนึ่งคำ ได้โผล่ขึ้นมาท่ามกลางกระแสการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งนั่นก็คือคำว่า Hybrid Working ที่หลายคนเห็นก็ต้องคิดแล้วว่าคืออะไร แตกต่างอย่างไรจากระบบการทำงานทั่วไป

             ต้องขอบอกตรงนี้เลยว่า แท้จริงแล้วการทำงานแบบ Hybrid Working ในต่างประเทศ ได้นำมาใช้นานมาก ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่พนักงาน สามารถปรับเวลาให้ทำงานได้อย่างยืดหยุ่น พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพได้มากกว่าการเข้าออฟฟิศ จนมาถึงยุคที่โควิดระบาดหนัก ในไทยจึงได้เริ่มนำมาปรับใช้บ้าง

             ดังนั้น ระบบการทำงานแบบ Hybrid Working จึงแปลความหมายได้ว่า เป็นการทำงานเชิงผสมผสานที่เน้นเรื่องความยืดหยุ่น เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานได้ทั้งในออฟฟิศและการ Work From Home รวมไปถึงการทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Remote Working) ซึ่งในภายหลังได้นำมาใช้อย่างจริงจังในไทยตั้งแต่ต้นปี 2020 เพื่อลดละป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั่นเอง

4 สไตล์การทำงานแบบ Hybrid Working

             1. สไตล์แบบยืดหยุ่น

             เป็นลักษณะการทำงานแบบ Hybrid Working ที่เน้นด้านความยืดหยุ่นให้แก่พนักงานเป็นหลัก เพื่อให้พนักงานสามารถเลือกทั้งสถานที่และชั่วโมงการทำงานได้อย่างอิสระ แต่มีเงื่อนไขเดียวกันเป็นเรื่องของความรับผิดชอบ หรือหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในงานแต่ละวัน โดยจะต้องทำให้ลุล่วงตามเป้าหมาย ส่วนการจัดตารางสลับเข้า-ออกออฟฟิศก็สามารถปรับกันได้เอง ขึ้นอยู่กับว่าวันไหนมีความจำเป็นมากเท่าไหร่ที่จะต้องเข้ามาพบปะ มีการพบลูกค้าหรือนัดประชุมสำคัญไหม ถ้าไม่ก็สามารถแยกย้ายทำงานของตัวเอง เลือก Work Frome Anywhere ได้เลย

             2. สไตล์แบบมีกรอบ

             สำหรับสไตล์การทำงานแบบ Hybrid Working จำกัดกรอบ ถือเป็นการทำงานที่ดูจะมีระเบียบและตอบโจทย์ต่อองค์กรที่ต้องบริหารจำนวนคนมากที่สุด เนื่องจากจะกำหนดเป็นวันให้อย่างชัดเจนเลยว่า ช่วงไหนบ้างที่พนักงานจะต้องเข้าออฟฟิศ และวันไหนบ้างที่สามารถ Work From Anywhere ได้ ซึ่งบางแห่งอาจสลับเป็นแผนกกันไป เพื่อลดปัญหาความหนาแน่นของจำนวนคนในออฟฟิศ วิธีนี้นอกจากจะอำนวยความสะดวกให้พนักงาน ยังช่วยองค์กรประหยัดพื้นที่ ไม่ต้องขยายที่นั่งหรือสำนักงานใหม่ ในกรณีที่มีพนักงานมากจนไม่พอใช้พื้นที่เดิมพร้อมกันอีกด้วย

             3. สไตล์แบบยึดติดแต่เลือกได้

สไตล์การทำงานแบบ Hybrid Working ที่ต้องรู้

             สำหรับสไตล์นี้ จะพบได้ในองค์กรที่ยังคงรูปแบบการทำงานเดิม ๆ เอาไว้มากที่สุด เพียงแต่จะเพิ่มความยืดหยุ่นเข้ามาเป็นตัวเลือกให้พนักงานบางคนที่ไม่สะดวกจริง ๆ ได้เลือกและวางแผนเองได้ว่าวันไหนจะขอทำงาน Work From Anywhere บ้าง แต่จะต้องมาแจ้งหัวหน้าทีมหรือบริษัทก่อนล่วงหน้า แต่โดยทั่วไปจะไม่อนุญาตให้ทำได้บ่อย ๆ ยกเว้นมีกรณีที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น

             4. สไตล์คนไฮเทค

             ปิดท้ายกันที่การทำงานแบบ Hybrid Working แบบสุดท้ายที่เรียกได้ว่าตรงกันข้ามกับแบบข้อสามอย่างสิ้นเชิง ด้วยรูปแบบการทำงานที่เน้นให้พนักงานสามารถ Work From Anywhere ได้มากกว่าที่จะต้องเข้าออฟฟิศ และใช้โซลูชันตัวกลางอย่าง Google Workspace หรือระบบอื่น ๆ เข้ามา เพื่อทำงานร่วมกันแทน โดยจะมีกำหนดเข้าออฟฟิศเพียง 1 วันต่อสัปดาห์ หรือแล้วแต่บริษัทเห็นสมควรนั่นเอง

ประโยชน์ของการทำงานแบบ Hybrid Working

  • พนักงานสามารถบริหารตารางเวลาทำงานได้อย่างยืดหยุ่น
  • สามารถทำงานจากทางไกลได้ โดยที่ไม่มีเรื่องระยะทางหรือจังหวัดมาเป็นปัญหา
  • ช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการเดินทางและค่าที่พักอาศัย
  • เสริมประสิทธิภาพการทำงานได้มากกว่าเดิม
  • เพิ่มความปลอดภัยได้ทั้งด้านสุขภาพจากโรคระบาด และอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง

             หมดแพสชันกับการทำงานในบริษัทที่ไม่ยืดหยุ่นและค่าใช้จ่ายในเมือง อยากหางานอยุธยาที่หยุดเสาร์-อาทิตย์ หรือสามารถทำ Hybrid Working รีโมตการทำงานกับองค์กรชั้นนำได้ทุกที่ ๆ อยากไป ต้องนี่เลย! JOBTOPGUN แพลตฟอร์มหางานฟรีที่ได้รับการยอมรับมากกว่า 30,000 องค์กรซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำ ทั้งมีผู้ลงทะเบียนใช้งานแล้วกว่า 4.7 ล้านคน รับประกันงานอัปเดตใหม่ที่ตรงใจ แมตซ์ได้ตรงจุดมากกว่าด้วย Super Resume ที่ให้คุณสร้าง Resume อย่างมืออาชีพ พร้อมนำเสนอคุณได้อย่างโดดเด่น นอกจากนี้ยังมีรีวิวบริษัทที่ช่วยให้คุณรู้จักบริษัทตามความจริง ดูแลให้หางานง่าย ได้งานดี เริ่มเลยที่เว็บไซต์ //www.jobtopgun.com/ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-853-6999

สมัครงานกับบริษัทชั้นนำทันที สร้าง Super Resume (ใบสมัครงาน) เลย ฟรี!

คำค้นหายอดนิยม

..